เดือนกันยายน ปี 2019 “ด๊ะ” พีรพัฒน์ แก้ววิลัย นักฟุตซอลทีมชาติไทย วัย 23 ปี ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต จากสโมสร ซานติอาโก ฟุตซอล คลับ ดีกรีอดีตกาลแชมป์สโมสรยุโรป (European Futsal Winners Cup) 1 ยุค ที่ยื่นข้อเสนอยืมตัวเขาไปร่วมทัพ เป็นเวลา 1 ฤดูกาล
ในช่วงพักเบรกหลังจบเลกแรก Main Stand ได้โอกาสได้พูดคุย พีรพัฒน์ แก้ววิลัย เพื่อถามไถ่ถึงชีวิตการเป็นนักฟุตซอลไทยอย่างเดียวในลีกอาชีพสเปน รวมทั้งสิ่งที่เขาได้รับจากการไปใช้ชีวิตอยู่ในยุโรป นอกจากสรีระที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ดาวยิงตุ้ยนุ้ย “ผมเป็นคนที่รูปร่างอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก ยิ่งตอนอนุบาล ก่อนเล่นกีฬา นี่เป็นเด็กอ้วนมากๆพอเริ่มมาเล่นฟุตซอลหุ่นก็ลดลงมาหน่อย แต่ว่าไม่เคยซูบผอมเลย แต่ว่ามันก็ยังมีพุง เป็นผู้ที่หุ่นตันๆแบบนี้มาตลอด”
“เคยเพียรพยายามจะลดน้ำหนักแล้ว แต่ว่าน้ำหนักลงยากมาก พอกินอะไรนิดหน่อย น้ำหนักขึ้นง่ายมาก ไม่คิดว่าตนเองจะผอมได้” พีรพัฒน์ ผู้ครอบครองส่วนสูง 170 ซม. ที่ดูเปลี่ยนแปลงไปแบบผิดหูผิดตา กล่าวเริ่ม
สำหรับผู้ที่ติดตามฟุตซอลไทยอยู่เป็นประจำ แน่นอนว่าย่อมจะต้องรู้จักพีรพัฒน์ แก้ววิลัย” ดาวยิงจากสโมสร พีทีที ชลบุรี บลูเวฟ เป็นอย่างดี
เพราะว่านอกเหนือจากการจบสกอร์ที่เฉียบคมแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของ พีรพัฒน์ ก็ยังดูแตกต่างกับนักฟุตซอลทั่วไปในลีก ที่ส่วนใหญ่มักจะมีรูปร่างผอมเพรียว แลดูคล่องแคล่ว
หากแม้เขาจะลงเล่นใน ฟุตซอลไทยลีก ตั้งแต่อายุ 15 ปี รวมทั้งถูกเรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ตอนอายุ 17 ปี รวมทั้งได้ค้าแข้งกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง พีทีที ชลบุรี บลูเวฟ แต่ว่าพีรพัฒน์ แก้ววิลัย” ก็ยังไม่ได้รับการยินยอมรับในวงกว้าง รวมทั้งมักเป็นเป้าให้แฟนบอลฝ่ายตรงข้าม ล้อเลียนเรื่องรูปร่างอยู่ตลอด
“พอย้ายจาก สมุทรปราการฯ มาอยู่ชลบุรี และก็ผมก็เริ่มมองถึงโอกาสสำหรับเพื่อการได้รับใช้ชาติ สุดท้ายผมติดทีมชาติจริงๆตั้งแต่อายุยังน้อย”
“แต่ว่ามันแลกเปลี่ยนมาด้วยแรงกดดัน ความคาดหวัง ยิ่งเล่นให้ทีมใหญ่ ได้มีชื่อในทีมชาติ ก็ยิ่งทำให้คนจับตาพวกเรามากขึ้น ผมก็ต่อกรกับสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก พยายามปล่อยวางครับ ไม่ได้ไปตอบโต้ ยิ้มอย่างเดียว”
“ตอนเล่นอยู่ที่เมืองไทย ก็เคยโดนคนตะโกนลงมาจากบนอัฒจันทร์ว่า ‘ไอ้อ้วน! ไอ้หมูตอน!’ แต่ว่าผมก็ไม่สนใจอะไร เพียรพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดในสนาม แค่นั้นพอ เนื่องจากฟุตซอลคือสิ่งที่ผมรักและสนุกกับมันมาตั้งแต่เด็ก”
“ผมอาจไม่ใช่คนที่เก่งมาก แต่ว่าผมเป็นคนเปิดรับทุกๆอย่าง อยากเก่ง อยากพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่ตลอด ผมก็เคยคิดเช่นเดียวกันนะ ถ้าเกิดวันหนึ่งมีโอกาสได้ไปเล่นต่างประเทศ ก็ต้องการลองดูสักครั้ง”
“ผมคิดว่าที่นี่ (ลีกสเปน) นักฟุตบอลเขาเคี่ยวกันมากเลย การจะยิงประตูได้นั้นยากมาก ทุกคนจะบีบหาเราเร็ว ใช้ความแข็งแรงเข้าปะทะ ทำให้ไม่มีเวลาแต่งบอล หรือคิดนาน ต้องตัดสินใจให้ดี”
“ส่วนเรื่องการทำคะแนน ผมไม่ได้คิดหรือตั้งเป้าหมายกับตัวเองนะ ว่าวันนี้จะต้องยิงให้ได้ ผมคิดอย่างเดียวว่า วันนี้ผมต้องการช่วยทำให้ทีมชนะ ถ้าหากผมยิงได้ แต่ว่าทีมไม่ชนะ ผมจะผิดหวังมาก ถึงแม้ว่าจะวันนั้นผู้ใดจะกล่าวว่าผมเล่นดีก็ตาม”
“เรื่องการบริหารจัดการต่างๆภายในสโมสร ผมว่าทีมในฟุตซอลลีกของไทย บางทีก็อาจจะดูดีกว่า เนื่องจากว่าที่นี่ลีกรอง ทีมส่วนใหญ่ยังเป็นแบบกึ่งอาชีพ แต่ว่าคนก็ให้ความสนใจเยอะนะครับ อย่างที่ทีมผมเล่น แฟนคลับก็เข้ามาดูกันเยอะ บรรยากาศการเชียร์ก็สนุกครับผม กองเชียร์ส่งเชียร์ตลอดเลย เวลาลงไปเล่นแล้วมีกำลังใจ คนสเปน ดูเป็นคนที่เขาชอบกีฬากันจริงๆ”
ไม่ว่าคุณจะมอง พีรพัฒน์ แก้ววิลัยจากด้านนอกที่รูปร่าง หรือมองเขาลึงเข้าไปถึงข้างใน ในฐานะนักฟุตซอลคนหนึ่งที่ไม่เคยหยุดพัฒนา แล้วก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกๆความท้าทายในชีวิต
แต่ว่าอย่างน้อยที่สุด ธงชาติไทย ที่ถูกโบกสะบัดโดยกองเชียร์ชาวสเปน ยามที่สโมสร ซานติอาโก ฟุตซอล คลับ ลงทำการแข่งขัน ก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าพีรพัฒน์ แก้ววิลัย” มาไกลเพียงแค่ไหน จากความพยายามที่เขาทุ่มเทมาตลอดชีวิต 23 ฝน
