
ดอร์ทมุนด์ยังมีฮีโร่ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแล้วก็อยู่เบื้องหลังฟอร์มอันร้อนแรงของพลพรรคเสือเหลืองเดี๋ยวนี้ นั่นก็คือ ราฟาเอล เกร์เรโร แข้งชาวโปรตุเกสวัย 26 ปีที่ย้ายมาอยู่กับดอร์ทมุนด์ตั้งแต่ปี 2016 นั่นเอง
ราฟาเอล เกร์เรโร ด้วยชัยชนะ 4 จาก 5 นัดปัจจุบันของดอร์ทมุนด์ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ทำให้โอกาสสำหรับการลุ้นแชมป์ลีกฤดู 2019/20 ของดอร์ทมุนด์กลับมาเปิดกว้างอีกครั้งหนึ่ง นักฟุตบอลหลายคนพากันท็อปฟอร์มจนกระทั่งเป็นที่เอ๋ยถึงไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าป้ายแดงที่มีรูปขึ้นเต็มหน้าข่าวเกี่ยวกับกีฬาเกือบทุกสำนัก แต่ทว่ากลับไม่มีผู้ใดพูดถึงเกร์เรโรเลยสักราย
ซีซั่นนี้เกร์เรโรยิงไปแล้ว 5 ประตู โดยมี 3 ประตูที่ทำได้จากเกมลีก 4 นัดปัจจุบัน เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่โดนเกร์เรโรยิงดังเช่นว่า โคโลญจน์, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน แล้วก็ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต
แต่ว่าจะให้มองเพียงแค่ผลงานการทำประตูสิ่งเดียวแล้วบอกว่านี่แหละฟอร์มสุดยอดก็คงจะฟังดูตลก ด้วยเหตุว่าที่จริงแล้วผู้เล่นในแผงรับอย่างเกร์เรโรนั้น สามารถหาโอกาสยิงเข้ากรอบได้ถึง 12 ครั้งจาก 5 เกมปัจจุบัน แถมยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนทำประตูได้ถึง 8 หน และเกือบจะยิงเบิ้ลได้ในเกมพบแฟรงค์เฟิร์ตแล้วด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเกร์เรโรยิงได้อีกหนึ่งประตูเพียงแค่นั้นก็จะทำผลงานได้เทียบเท่าสถิติที่ดีที่สุดที่เขาเองเคยทำเป็น น่าสนใจจริงๆว่าแข้งวัย 26 ปีคนนี้กำลังพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปอีกขั้นแล้วหรือเปล่า
แต่ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งตัวนักฟุตบอลและก็สโมสรเองต่างก็จะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก แฟนบอลทีมเสือเหลืองเคยคาดหวังในตัวเกร์เรโรอย่างมากในช่วงฤดูกาล 2016/17 ฤดูกาลแรกที่เขาย้ายมาเล่นในสโมสรแห่งนี้ภายใต้การควบคุมทีมของโทมัส ทูเชล ในตอนนั้น และก็ในฤดูกาลนั้นเขาก็ทำผลงานสอบผ่าน ด้วยการทำ 6 ประตูกับ 5 แอสซิสต์
แต่ว่าหลังจากนั้น เส้นทางของเขาก็เริ่มมืดมน เมื่อทูเชลจะต้องโบกมืออำลาสโมสร เกร์เรโรถูกดร็อปเป็นตัวสำรองภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใหม่อย่างปีเตอร์ บอสซ์ รวมทั้ง เพเทอร์ ชเตอเกอร์ เขาจะต้องอดทนรอเวลาที่จะได้รับช่องทางอีกครั้ง แล้วก็แล้วการเข้ามาของ ลูเซียง ฟาฟร์ ก็เหมือนเป็นการชุบชีวิตเขาขึ้นมาใหม่ในถิ่นซิกนัล อิดูนา พาร์ค
เกร์เรโรมักมีปัญหาเรื่องความคงเส้นคงวาสำหรับเพื่อการเล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายอยู่เป็นประจำและเมื่อถูกโยกไปเล่นตำแหน่งปีกซ้าย เขาก็ยังไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้มากพอเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอย่าง จาดอน ซานโช แต่ว่าสิ่งหนึ่งซึ่งสามารถทำให้แข้งจรวดทางเรียบไซส์เล็กอย่างเกร์เรโรกลับเข้ามาสู่เส้นทางได้ก็คือ การที่เขาเป็นนักฟุตบอลสารพัดประโยชน์ เมื่อดอร์ทมุนด์เปลี่ยนไปใช้ระบบการเล่นใหม่คือแบบ 3-4-3 เกร์เรโรจึงสามารถกลับมาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของทีมได้สำเร็จ เนื่องจากเขาจะไม่ต้องรับบทเป็นผู้เล่นตัวหลักในแนวรับอีกต่อไป ในขณะที่ผู้เล่นในแผงรุกทีมดอร์ทมุนด์ต่างก็สามารถช่วยซัพพอร์ตให้เขาคุมเกมได้ง่ายขึ้น
"ผมว่ามันสุดยอดเลย ผมรักที่กำลังจะได้ลงเล่นมากๆรวมทั้งเอ็นจอยสุดๆที่ได้ดันขึ้นไปช่วยเกมรุก" เกร์เรโรพูดถึงหน้าที่ใหม่ในทีมเสือเหลือง "มันทำให้ผมแสดงจุดแข็งออกมาได้มากขึ้นรวมทั้งการมีผู้เล่นตัวรับคอยประคองด้านหลังก็ช่วยทำให้ผมมั่นอกมั่นใจได้ แผนการเล่นที่เราใช้นั้นให้โอกาสให้พวกเรามีพลังสำหรับในการตอบโต้ใส่คู่ต่อสู้มากเพิ่มขึ้น"
การเป็นนักเตะจอมตื๊อแล้วก็เอาเรื่องของเกร์เรโรเมื่อจะต้องคุมโซนและก็ประกบคู่แข่งนั้นช่วยทำให้เกมรับของทีมดอร์ทมุนด์เหนียวแน่นขึ้น อัตราการแย่งบอลสำเร็จของเขาในปี 2020 อยู่ที่ 61% นับว่าเป็นสถิติอันยอดเยี่ยมที่เสริมความแข็งแกร่งในเกมรับฝั่งซ้ายของดอร์ทมุนด์ได้เป็นอย่างดี
ในเกมยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมในที่สุด เกร์เรโรได้กลับมาเจอกับโทมัส ทูเชล ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของทีมเปแอสเชและก็เป็นชายผู้เปิดประตูสู่รั้วทีมดอร์ทมุนด์ให้กับเขาอีกครั้ง ซึ่งในที่สุดเสือเหลืองก็เป็นฝ่ายคว้าชัยเหนือลูกทีมของทูเชลไปได้ และเกร์เรโรก็ได้แสดงให้ทูเชลเห็นในเกมนั้นว่าลูเซียง ฟาฟร์ กำลังพาเขาไปได้ไกลกว่า