
ผลสะเทือนของเกมที่ เชลซี แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดปัจจุบัน บางทีก็อาจจะดูไม่ร้ายแรงมากเมื่อดูจากตารางอันดับ เพราะเหตุว่าสิงห์บลูส์ก็ยังคงเหนียวแน่นที่อันดับ 4 ต่อไป
เชลซี ถึงแม้ระยะห่างที่แคบเข้ามาชนิดที่อีก 2-3 นัดถัดจากนี้ถ้าหากกระพริบตาปุ๊บอันดับบางทีอาจเปลี่ยนแปลงได้เลยก็ตาม แต่ว่าถ้าหากลูกทีมพี่แฟรงค์กลับมาเก็บแต้มได้ก็น่าจะยังคงรักษาสถานภาพได้
อันนี้คิดแบบง่ายๆซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่คิด!
โดยเฉพาะ เกมนัดต่อไปที่พวกเขาจำเป็นจะต้องเจอกับอีกหนึ่งทีมที่กำลังลุ้นอันดับ 4 และก็มีแต้มไล่จี้อยู่เพียงแต่ 1 คะแนนซึ่งมันก็คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ของอดีตกุนซือของพวกเขาเองอย่าง โชเซ มูรินโญ
ในเกมแรกที่พบกัน แลมพาร์ดจัดการล้างครูมาแล้วด้วยสกอร์ 2-0 แน่นอนว่าครูก็จำเป็นต้องคิดเอาคืนกันบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไร้น้ำยา
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ศิษย์อย่างซูเปอร์แฟรงค์จะเอาอะไรไปล้างครูอีกรอบ?
เพราะว่าเมื่อดูจากเกมนัดปัจจุบันที่เปิดบ้านให้แมนฯ ยูไนเต็ด มาย้ำแค้น จะพบว่าสถิติที่เกิดขึ้นนั้นมันบ่งบอกอะไรได้มากมาย เชลซี ได้ส่องประตูปีศาจแดง ถึง 17 ครั้ง ครองบอลมากึง 62% จ่ายบอลได้แม่นถึง 86% ส่งบอลกันทั้งเกม 607 ครั้ง เตะมุม 9 ครั้ง
แต่ว่าทั้งหมดกลับได้มาซึ่งการยิงตรงกรอบเพียงแต่ครั้งเดียว!
เมื่อหันมาดูทางแมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาได้โอกาสยิง 9 ครั้ง ครองบอล 38% จ่ายบอลทั้งเกม 383 ครั้ง ความแม่นยำสำหรับในการส่งบอลคิดเป็น 79% และเตะมุม 8 หน
ทั้งหมดที่ได้มาคือการยิงเข้ากรอบ 3 ครั้งเปลี่ยนเป็น 2 ประตู!
ทั้งผองทั้งหมดทั้งสิ้นนี้บอกกับพวกเราว่า กลุ่มของอาเสี่ยหมีไม่มีซึ่งความเด็ดขาดในดินแดนหน้าและก็กองหลังที่มีอยู่นั้นก็รั่วไหลราวกับท่อน้ำประปาแตก
ความเจ็บปวดซ้ำสองก็คือ การบาดเจ็บของ เอ็นโกโล ก็องเต ที่มาเร็วจนถึงเกือบจะตั้งตัวไม่ทัน นี่ยังไม่นับการขาด แทมมี อับราฮัม กองหน้าตัวเก่งที่ไม่ได้ลงในเกมนี้ เลยทำให้สถิติการทำประตูนั้นขี้เหร่แบบไม่น่าให้อภัย
จะว่าไป เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เชลซีในตอนนี้มีปัญหาแทบทุกตำแหน่ง ไล่จากผู้รักษาประตู, กองหลัง, กองหน้า แล้วก็ผู้จัดการทีม
ตอนนี้คงไปพูดเรื่องผู้เล่นอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากว่าเดือนมกราคมพวกเขาไม่ได้เสริมใครเข้ามาแม้แต่ผู้เดียว ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้พี่แฟรงค์หงุดหงิดใจไม่น้อย แต่ว่ายังดีที่บอร์ดเดินเรื่องเร็วด้วยการคว้า ฮาคิม ซิเย็ค มาครอบครองล่วงหน้า และก็คงจะได้อีก 1-2 ตัวตามมาเร็วนี้ๆ
สิ่งที่จะต้องจุดโฟกัสคือ แลมพาร์ดจะพาลูกทีมกลับมารักษาสถานภาพอันดับ 4 ของพวกเขาได้หรือไม่ เมื่อดูจากขุมกำลังที่เหลือและก็ขุมปัญญาของตัวเขาเอง
แดนหน้าอาจจะต้องกลายเป็น โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ทำผลงานได้น่าพอใจในเกมปัจจุบัน ส่วน เดอะ แบทแมน ก็บางทีอาจจะจะต้องสนับก้นรอโอกาสแทน
แดนกลางถือว่าไม่ขี้เหร่ แม้ว่าจะไม่มีก็องเตแต่ว่าที่เหลืออย่าง จอร์จินโญ, มาเตโอ โควาซิช, รอสส์ บาร์คลีย์ และก็ เมสัน เมาท์ น่าจะเพียงพอช่วยกันประคับประคองได้
แต่ว่าที่น่าห่วงสุดๆก็คือ กองหลัง ที่ไม่ว่าใครจะลงไปในสนามก็ทำเอากุนซือวัย 41 ปีจะต้องเอาเท้าก่ายหน้าผากทุกครั้ง ซึ่งวิธีที่แก้ไขได้ดีที่สุดตอนนี้คือจะต้องทำความเข้าใจระบบเกมรับกันใหม่ โดยยิ่งไปกว่านั้นลูกเซ็ตพีซที่เปลี่ยนเป็นจุดอ่อนของพวกเขาไปในซีซั่นนี้
ส่วนผู้รักษาประตู ให้เลวร้ายอย่างไรก็ควรจะดึงเกปากลับมาเฝ้าเสาเหมือนเดิม ด้วยเหตุว่าดูแล้วน้าวิลลี กาบาเยโร ไม่น่าจะไหว
ยิ่งเมื่อดูเกม 5 เกมหลังจากนี้ พวกเขาจำเป็นจะต้องพบกับทีมระดับท็อปทั้งนั้น ไว่าจะเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, บาเยิร์น มิวนิค (UCL), หงส์แดง (เอฟเอ คัพ) และก็ เอฟเวอร์ตัน มีเกมเยือน บอร์นมัธ ที่บางทีก็อาจจะไม่ยากนัก แต่ว่าฟอร์มแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ด้วยเหตุนั้น ที่เหลือนับจากนี้ของแลมพาร์ดจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว ด้วยเหตุว่าทีมที่ตามหลังมากำลังโกยแต้มไล่บี้มาแบบไม่ให้หายใจหายคอได้สะดวก
มิเช่นนั้น ซูเปอร์แฟรงค์ บางทีอาจจะต้องเก็บของออกจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังจบฤดูกาลนี้ก็เป็นได้