นับเป็นข่าวที่ช็อกใครหลายคนเช่นกันที่อยู่ดีๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาโดนแบนจากรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากการประกาศของ ยูฟ่า เมื่อคืนนี้วันศุกร์ต่อเช้าวันเสาร์ตรงเวลาบ้านพวกเรา
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จริงๆจะบอกว่า 'อยู่ดีๆ' ก็มาโดนแบนมันก็ไม่ถูก ด้วยเหตุว่าสาเหตุนั้นเกิดขึ้นจากการตกแต่งบัญชีงบดุลขอลสมาพันธ์เกี่ยวกับเรื่องของรายได้จากสปอนเซอร์ ซึ่งรายละเอียดก็ไปว่ากันทีหลัง
แต่ว่าสิ่งที่น่าคิดคือ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของทริปเปิลแชมป์เมื่อซีซันที่แล้ว ทั้งเรื่องของกุนซือ นักฟุตบอล การจัดการงาน หรือแม้กระทั้งผลงานในช่วงที่เหลือของฤดูทั้งใน พรีเมียร์ลีก แล้วก็รายการที่เหลือ
ว่าแล้วหลังจากนั้นก็มาลองไล่เรียงกันดีกว่า
1. อนาคตของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา
คำถามแรกเมื่อในระหว่างที่ข่าวการโดนลงโทษแบนของ แมนฯ ซิตี้ ออกมาคือ แล้ว เป๊ป จะอยู่กับทีมถัดไปไหม?
สำหรับทิศทางของเรื่องนี้ก็มีหลายกระแส ซึ่งในตอนแรกข่าวสารก็เทไปในประเด็นที่ว่า ที่ปรึกษาสมองเพชรรายนี้จัดเตรียมเก็บของย้ายทีมแน่นอน ด้วยเหตุว่าก่อนหน้านั้นก็มีข่าวว่า ยูเวนตุส กำลังให้ความสนใจเพื่อมาสานต่อโปรเจ็ค แชมเปี้ยนส์ลีก ของพวกเขาเช่นเดียวกัน
ลองคิดดูว่า เป๊ป เองได้แชมป์ใน 3 ลีกใหญ่มาหมดแล้ว ทั้ง ลาลีกา, บุนเดสลีกา และ พรีเมียร์ลีก ก็คงจะมี กัลโช เซเรีย อา นี่แหล่ะที่น่าจะเติมเต็มความฝันแล้วก็สร้างประวัติศาสตร์ส่วนตัวให้กับเขาได้
ยังไม่พอ ข่าวประเด็นการหากุนซือคนใหม่ก็ตามมาอย่างไม่ขาดสาย โดยชื่อที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุดเวลานี้ก็คือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ที่กำลังนั่งดมฝุ่นว่างงานอยู่ 3-4 เดือน
แต่ว่าจากนั้นเพียงแค่วันเดียวก็มีรายงานข่าวสารว่า เป๊ป พร้อมที่จะอยู่กินกับ เรือใบสีฟ้า ลำนี้ต่อไปอีกหนึ่งซีซันหรือจนถึงหมดสัญญาที่ทำกันไว้จากที่เคยออกข่าวสารก่อนหน้านั้น พลอยทำให้สาวก เดอะสกายบลูส์ ได้มีเรื่องมีราวปลอบประโลมกันในวันร้ายๆบ้าง
อย่างไรก็แล้วแต่ ยังไม่มีบทสรุปอะไรแน่ชัด คงจะจำต้องลุ้นกันหลังจบซีซันนี้ต่อไป2. สตาร์ดังหาทีมใหม่
เรื่องหนึ่งที่เป็นคำถามที่ต้องถามกลับมาหลังจากข่าวของ เป๊ป ก็คือแล้วบรรดาสตาร์ดังในทีมจะเอาอย่างไรกันต่อไปดี
สื่อหลายสำนักต่างคาดการณ์คล้ายกันว่า เมื่อซีซันหน้า แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ไปเลนถ้วยยุโรป นักฟุตบอลหลายๆคนในทีมก็บางครั้งก็อาจจะจะต้องอำลาสโมสร เนื่องจากรายได้จะหายไปอย่างมหาศาล หรือพูดได้ว่านี่เป็นการตัดงบรายจ่ายออกไป เพื่อให้บัญชีกลับมาสมดุลเหมือนเดิม
สำหรับนักฟุตบอลที่มีการคาดไว้ว่าบางครั้งอาจจะจะต้องอำลาทีมก็คือ เลรอย ซาเน และก็ เควิน เดอ บรอยน์
ซาเน นั้นกลายเป็นข่าวกับ บาเยิร์น มาเป็นปีแล้ว แต่ว่าจ้าตัวดันไปบาดเจ็บหนักเมื่อช่วงต้นซีซัน เลยทำให้ข่าวสารเงียบไป จนกระทั่งกลับมาอยู่ในกระแสเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
เสือใต้ คงใช้ช่องนี้เจาะเข้าทำ แมนฯ ซิตี้ เพื่อดึงปีกอินทรีเหล็กไปร่วมทีมให้ได้ แล้วก็มีความคิดว่าคงจะปิดดีลกันได้ไม่ยาก
ส่วน เดอ บรอยน์ นั้นหากแม้เจ้าตัวจะออกมาพูดว่ายังมีความสุขดีกับทีม แม้กระนั้นด้วยการที่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่รับค่าเหนื่อยแพงที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่มากพอที่จึงควรกลายเป็นคนที่จะต้องไปเหมือนกัน ซึ่งทีมที่พอเพียงจะมีเงินจ่ายค่าเหนื่อยระดับนี้ก็มีไม่กี่ทีมบนโลกใบนี้ อย่าง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา แล้วก็ เปแอชเช
นอกจาก 2 รายนี้แล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีชื่อโผล่เข้ามาบ้าง ทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส และ จอห์น สโตนส์
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างก็จะชัดเจนเพิ่มขึ้นเมื่อทราบผลการอุทธรณ์
3. จังหวะของตัวสำรองและก็ดาวรุ่ง
ถ้าหากสตาร์ดังพาเหรดกันย้ายทีม พวกนักฟุตบอลที่ไม่ค่อยได้ลงสู่สนามหรือดาวรุ่งที่ขึ้นมาอยู่ทีมชุดใหญ่ก็บางทีก็อาจจะได้รับโอกาสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลก็เป็นเนื่องจาก ทีมที่ไม่าได้ไป แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเวลา 2 ปีอาจจะไม่ดึงดูดใจบรรดาพ่อค้าแข้งมีชื่อเสียงซักเท่าไหร่นัก ดังนั้นการจะดึงสตาร์ตัวใหม่ๆไปสู่ทีมก็เลยเกิดเรื่องที่แทบจะตัดออกไปได้เลย
ฟิล โฟเด้น และก็ เอริค การ์เซีย เป็น 2 ชื่อที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มาแล้วพักหนึ่งแล้วก็ทำผลงานได้ค่อนข้าวน่าประทับใจ และก็ถ้าเกิด เป๊ป อยู่ต่อ เราอาจได้มองเห็น 2 คนนี้ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่มากขึ้น รวมถึงดาวรุ่งรายอื่นๆที่จะขึ้นมาทดแทนซุปเปอร์สตาร์ที่ย้ายออกจากทีม
นอกนั้นบรรดาตัวสำรองฝีเท้าดีที่ยังไม่ค่อยได้รับช่องทางหรือพวกที่ไม่ใช่ตัวหลักก็จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม ดังเช่นว่า ชูเอา คันเซโล, อังเคลินโญ ที่ขณะนี้ถูกปล่อยยืมไปให้กับ ไลป์ซิก หรือแม้แต่ จอห์น สโตนส์ ก็อาจจะได้ลงเล่นเป็น 11 คนแรกในซีซันหน้าก็เป็นได้
4. ทีมอันดับ 5 ได้ไป UCL แทน
ถ้าเกิดผลการอุทธรณ์ไม่เป็นดั่งที่คิดไว้ ซึ่งก็ถือได้ว่าเมื่อ แมนฯ ซิตี้ โดนตัดออกจากการแข่งขันใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ย่อมหมายความว่าทีมอันดับ 5 จะได้สิทธิไปเล่นในถ้วยใหญ่ใบนี้แทน
กฎของ ยูฟ่า เกี่ยวกับประเด็นนี้ระบุเอาไว้วว่า "ถ้าเกิดสโมสรใดไม่สามารถที่จะเข้าร่วมการแข่งขันได้ กลุ่มอันดับที่ดีที่สุดรองลงมาจะได้สิทธิ์นี้" นั่นหมายความว่าว่า เมื่อทีมอันดับ 2 อย่าง ซิตี้ ไม่ได้ไป โควต้าก็จำต้องมาตกอยู่กับทีมอันดับ 5
รวมทั้งเมื่อมาพินิจพิเคราะห์ดูการลุ้นอันดับ 5 แล้วด้วยการที่ยังเหลืออยู่ 12-13 เกมก็เลยมีทีมที่มีสิทธิในโควต้านี้มากถึง 7 ทีมด้วยกัน!
ช่วงนี้อันดับ 5 เป็นของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งพึ่งจะเอาชนะ แอสตัน วิลลา มาได้ 3-2 พวกเขามี 40 คะแนนจากการลงเล่น 26 นัดตามหลัง เชลซี ที่เล่นไป 25 นัดเพียงแต่แต้มเดียว
นอกจากนี้ตั้งแต่อันดับ 6 ลงมามีแต้มห่างจากอันดับ 5 ไม่มากตั้งแต่ 1-9 คะแนน ซึ่งทีมพวกนี้จะต้องตัดแต้มกันเองแล้วก็เหลือเกมอีก 10 กว่านัดอะไรก็เกิดขึ้นได้
จะว่าไป เชลซี เองก็ใช่ว่าจะหายใจหายคึอได้สะดวก เพราะว่าพวกเขาก็มีสิทธิโดนแซงได้ตลอดเวลาเช่นกัน
5. โดนตัดแต้ม ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ย้อนหลัง
มีข่าวสารตามหลังมาว่า พรีเมียร์ลีก ก็จะดึงเรื่องของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาพิจารณาเช่นกัน ด้วยเหตุว่างบดุลบัญชีที่ส่งให้กับ ยูฟ่า นั้นย่อมเป็นงบเดียวกับที่ส่งให้กับ พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้า ยูฟ่า พูดว่างบประมาณนี้มีการตกแต่งบัญชี พวกเขาก็คงไม่รอดจากการลงโทษในประเทศด้วยเหมือนกัน
ซึ่งถ้าหากพบว่ามีความผิดจริง ซิตี้ จะโดนตัดแต้มในซีซันนี้ แล้วก็รู้ว่าจะมีการสอบย้อนไปตั้งแต่ปี 2012-2016 และก็ถ้าเกิดพบว่ามี่ความผิดปกติอีกก็ควรมีการลงโทษย้อนไป ซึ่งในช่วงนั้น แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัยคือในซีซัน 2013-2014
นั่นเป็นซีซันที่ สตีเวน เจอร์ราด กัปตัน หงส์แดง ในช่วงเวลานั้นลื่นมอบแชมป์ให้กับทีมของ มานูเอล เปเยกรีนี ในเกมที่พ่าย เชลซี คาบ้าน โดยพวกเขาจบอันดับ 2 ทำคะแนนตามหลัง ซิตี้ 2 คะแนน
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะเป็นการเติมเต็มความฝันให้กับ สตีวี จี รวมทั้งเด็กหงส์คงจะไม่รังเกียจแชมป์นี้กันเท่าไหร่นัก
6. ส่งท้ายด้วยแชมป์ UCL
ด้วยแรงกดดันรวมทั้งความเศร้าหมองจากข่าวสารที่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่ามันบางทีอาจถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานอะไรบางอย่างให้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ปลุกชีพลูกทีมเพื่อผงาดครองแชมป์ UCL ส่งท้ายความเจ็บนี้ก็เป็นไปได้
ในเมื่อจะมิได้เล่นถ้วยนี้อีก 2 ซีซัน และไม่ต้องไปห่วงหัวข้อการทำอันดับใน พรีเมียร์ลีก แล้ว กุนซือชาวคาตาลันอาจะทุ่มหมดหน้าตักใส่ แชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ให้กับสมาพันธ์
ลองคิดดูว่าทีมที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็เล่นแบบไม่มีความกดดัน และก็ยิ่งเป็นทีมที่อยู่ในมือของพ่อยอดขมองอิ่มของชนชาวเรือใบ ไม่ได้อยากต้องการจะคิดเลยว่าพวกเขาจะมีความฮึกเหิมและก็คึกคักแค่ไหนกับแชมป์นี้
รอดูด่านแรกในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะจะต้องโคจรมาพบกับแชมป์ 13 สมัยอย่าง เรอัล มาดริด ถ้าหากพวกเขาสามารถผ่านทีมของ ซีดาน ได้ ก็คงจะไม่มีใครหยุดเรือใบติดปืนใหญ่กลุ่มนี้ได้
ไหนๆก็จะโดนแบนแล้ว เอาให้โลกตะลึงไปเลยดีมากกว่า
เป๊ป คงจะคิดแบบนั้น
