เซร์คิโอ กานาเลส นักฟุตบอลที่เคยถูกยกย่องว่าจะก้าวขึ้นมาติดทีมชาติประเทศสเปนชุดใหญ่ และก็เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตาที่สุดในประเทศ สู่นักฟุตบอลจอมเจ็บที่ต้องผ่าตัดเข่าถึง 3 ครั้ง พักจากฟุตบอลเกือบ 3 ปี แล้วก็นี่เป็นเรื่องราว "Third Time Lucky" ของเขา
มาพูดคุยสัมผัสกับ เซร์คิโอ กานาเลส จอมทัพเบอร์ 10 ของเรอัล เบติส ในบ่ายวันธรรมดาหลังการฝึกซ้อมที่ซิวดาด เดปอร์ติบา หลุยส์ เดล โซล ซึ่งเขาได้เล่าให้ฟังถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปในตอนนี้… อะไรทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่ดียิ่งขึ้น หลังผ่านปัญหาในชีวิตมามากมาย และก็อยู่ในจุดพีกของอาชีพค้าแข้งได้...ติดตามได้ที่นี่
เด็กเทพที่แสนธรรมดา ในปี 2008-09 สโมสรเล็กๆในประเทศประเทศสเปนอย่าง ราซิ่ง ซานตานเเดร์ เริ่มจะมีเรื่องสำคัญที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้น เพชรเม็ดงามในทีมเยาวชนที่ชื่อว่า เซร์คิโอ กานาเลส กลายเป็นที่พูดถึงกันในหมู่นักฟุตบอลรุ่นใหญ่ในทีม ว่ากันว่าเด็กน้อยคนนี้มีความรู้ที่ล้นเหลือ และก็เหนือสิ่งอื่นใดคือเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นสำหรับในการเล่นของตัวเองสูงมากมาย ไม่เคยได้รู้สึกกลัวแล้วก็กดดันกับสถานการณ์ที่คับขันเลย
เรื่องราวมันเริ่มบอกกันปากต่อปากจากโค้ชเยาวชน จนกระทั่งมาถึงผู้ฝึกสอนของทีมชุดใหญ่ที่ชื่อว่า ฆวน คาร์ลอส มานเดีย จะต้องเรียกให้ กานาเลส ขึ้นมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่เพื่อวัดระดับกับเด็กเทพคนนี้ดูสักหนึ่งครั้งว่าเมื่อขยับมาเล่นกับรุ่นพี่ที่ไม่มีหมูให้เคี้ยวเเล้วเจ้าหนูคนนี้จะเป็นของจริง หรือว่าจะทองลอกกันแน่
แล้วก็ มานเดีย คิดไม่ผิดที่ทำแบบนั้น นักฟุตบอลรุ่นพี่ในทีมทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "มหัศจรรย์" เมื่อได้ดวลกับเด็กน้อยวัย 18 ปี คนนี้
เปโดร ปินิญอส บอกว่า คานาเลส คือตัวประหลาด ส่วน ซิสโก้ ฆิเมเนซ กองหน้าที่ยืมมาจาก นิวคาสเซิล ของทีมก็พูดในทิศทางที่คล้ายๆกันนั่นเป็น "น่าเหลือเชื่อ มีไม่บ่อยนักหรอกที่เราจะได้เห็นนักฟุตบอลดาวรุ่งที่เป็นของจริงอย่างนี้"
เวลาที่ ดาวิด กิสเตา ผู้รายงานข่าวจากสำนักข่าวดังของประเทศสเปนอย่าง "เอล มุนโด้" บอกว่าถ้าหากวันไหนเด็กคนนี้ลงในสนามให้มาร์กเวลาเอาไว้ได้เลย เพราะว่าความบันเทิงจะเกิดขึ้นแน่ พร้อมกับให้คำจำกัดความว่า คานาเลส มีสไตล์การเล่นราว "กูตี" ตำนานมิดฟิลด์อัจฉริยะของ เรอัล มาดริด เลยทีเดียว
กานาเลส เริ่มถูกส่งลงในสนามสัมผัสเกมในช่วงท้ายฤดูกาล 2007-08 ปลายๆโดยที่ได้เล่นเพียงแต่ไม่กี่นาที จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมกุนซือ มานเดีย เตรียมผลักดันเขาขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลตัวหลักของทีม รวมทั้งจะให้ กานาเลส ที่เวลานั้นอายุย่าง 19 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจหลักสำหรับเกมรุกของ ราซิ่ง ซานตานเเดร์ ทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามเส้นทางของสตาร์ กานาเลส ไม่มีปัญหาเลยสำหรับในการขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลตัวหลักเต็มตัว แถมยังเด่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เขาลงเล่นไป 31 นัดตลอดทั้งฤดู และก็ยิงไปอีก 7 ประตู โดยแต่ละลูกยิงของเขาเป็นการบ่งบอกถึงถึงคลาสอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการหลุดผู้เดียวแล้วกระดกบอลข้ามผู้รักษาประตูไปแบบนิ่มๆ, ยิงไกลระยะ 30 หลา, การเล่นแบบโซโล่เพลย์เข้าไปปิดสกอร์แบบง่าย รวมถึงฟรีคิก ก็ด้วย ... นี่คือส่วนหนึ่งสำหรับรายละเอียดประตูของกานาเลส ในซีซั่น 2009-10
ณ เวลานั้นไม่มีใครไม่รู้จักเขาอีกเเล้ว กานาเลส กลายเป็นคนดังประจำเมือง และก็นั่นเป็นการเปิดให้มองเห็นอีกมุมหนึ่งของเขานั่นคือเรื่องราวนอกสนาม เนื่องจากในวันที่มีชื่อเสียง กานาเลส ยังคงเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่หลงใหลกับคำชม หนำซ้ำยังเขินๆที่มีคนรู้จักกันเขามากมายขนาดนี้
"ผมสีบลอนด์ของ เซร์คิโอ การ์นาเลส ยุ่งๆชี้ไปชี้มาแบบไม่ได้จัดทรงจนดูราวกับว่า ลุค สกายวอล์คเกอร์ (ตัวละครที่เป็นตัวเอกในเรื่อง Star Wars) แต่ว่าทุกๆวันจะมีเด็กผู้หญิงหลายคนมายืนรอเขาที่ลานจอดรถ รวมทั้งเขาก็จะเดินผ่านไป เพราะว่าจะต้องไปหาแฟนสาวของเขาที่เตรียมความพร้อมเพื่อที่จะไปเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ กานาเลส ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ร่างกายไม่มีรอยสัก ไม่มีการเจาะ ไม่มีการเซ็ตผม เด็กหนุ่มอย่าง กานาเลส คือลูกเขยที่แม่ยายต้องการของทุกคน" Sid Lowe ผู้เขียนเรื่องฟุตบอลประเทศสเปนในสื่อ เดอะ การ์เดี้ยน ว่าถึง กานาเลส ในเวลานั้น
แต่ถ้าหากคิดจะเป็นคนดังระดับโลก การใช้ชีวิตแบบคนเดินดินนั้นมันยากที่จะเป็นไปได้ แต่ว่าถึงจะแบบงั้นเซร์คิโอ กานาเลส ก็จำเป็นต้องเลือกอะไรสักอย่างในวันที่มีข้อเสนอจากสโมสรใหญ่ขึ้นมา
ว่ากันว่าถ้าหากลูกผู้ชายอย่างเราเมื่อได้โอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิตแล้วไม่คว้าไว้ก็ถือว่าเกิดมาเเล้วเสียชาติเกิดเต็มที และก็สำหรับความฝันของเด็กหนุ่มชาวสเปนคงจะไม่มีอะไรจะเย้ายวนใจไปกว่าการได้เล่นให้กับสโมสรอันดับ 1 ของประเทศอย่าง เรอัล มาดริด อีกเเล้ว แล้วก็ กานาเลส ตกลงรับข้อเสนอนั้น เพื่อท้าทายตัวเองสำหรับก้าวครั้งใหญ่ของชีวิต
ชีวิตที่ไม่อย่างเดิม
"ผมเกือบจะช็อคตายตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ในห้องแต่งตัวของ เรอัล มาดริด ผมมึนไปหมดไม่รู้เรื่องด้วยว่าจะต้องไปนั่งตรงไหนของห้อง เพราะเหตุว่าผมโดนล้อมด้วยนักเตะที่ผมชื่นชอบรวมทั้งติดตามมาทั้งนั้น และตอนนี้ผมกลายเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาทั้งหมด" กานาเลส กล่าวถึงประสบการณ์ใหม่ในเมือง และทีมที่ใหญ่กว่าที่เขาเคยสัมผัส
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี ความจำเลวร้ายครั้งเก่าไม่ว่าจะที่ มาดริด, บาเลนเซีย และยังรวมไปถึงหัวเข่าของเขาเองถูกทิ้งไวในอดีตไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเซร์คิโอ กานาเลส คนใหม่นักฟุตบอลตำแหน่งจอมทัพของ เรอัล เบติส ที่ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติประเทศสเปนชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
จังหวะชีวิตของคนเราก็อย่างนี้...บางคนมาเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ในช่วงเวลาที่บางคนก็มาถึงช้าจนเกือบจะแทบจะถอดใจ แต่ว่านั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณได้พยายามสุดชีวิตที่จะหาจังหวะชีวิตของตนหรือยัง?
อ่านข่าวเพิ่มเติม
