
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ แปลงเป็นชื่อที่ชินหูแฟนบอลชาวไทยมากยิ่งขึ้น จากผลงานอันยอดเยี่ยมในเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่สโมสรจากไทย ต้องก่ายหน้าผากทุกคราว แม้จะต้องโคจรมาพบกับพวกเขา
แน่ๆว่า กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ พวกเขาไม่ได้เก่งเพียงแค่ในระดับทวีปเอเชียเพียงแค่นั้น หลังเคยไปไกลถึงอันดับ 4 ของศึกฟุตบอลสโมสรโลกได้ถึง 2 ครั้ง แถมผลงานในประเทศก็ไม่มีใครเอาชนะได้ ด้วยการเป็นทีมที่คว้าแชมป์ไชนีส ซูเปอร์ลีก ได้มากครั้งที่สุดถึง 8 ยุค โดยเป็นการคว้าแชมป์ 7 ปีต่อเนื่องกัน
เช่นเดียวกับ กว่างโจว เอฟซี บรรพบุรุษของ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ที่จัดตั้งขึ้นในปี 1954 โดยหน่วยงานกีฬาของเมืองกว่างโจว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในลีกแห่งชาติจีน ที่เรียกกันว่า National Football Conference
อย่างไรก็ตาม ในช่วงตั้งไข่ กว่างโจว กลับไม่ได้มีผลงานที่น่าจดจำนัก พวกเขาต้องเจอกับตอนที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการร่วงตกชั้นตั้งแต่ปีแรกที่ลงเล่นในลีก เจอกับปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับทางการเงินที่ทำให้ทีมล้มละลาย และก็ยังรวมทั้งหายหน้าหายตาไปจากลีกเลยก็มี
หากแม้พวกเขาสามารถกลับมาได้อีกรอบในช่วงทศวรรษที่ 1980 หลังลีกมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ที่อนุญาตให้สมาพันธ์ที่มีบริษัทเป็นเจ้าของ สามารถเข้าร่วมลงแข่งขันในลีกได้ แต่ถึงแบบนั้น พวกเขาก็จะต้องเผชิญชะตากรรมขึ้นลงเมื่อทีมจำเป็นต้องเลื่อนชั้น ตกชั้น สลับกันไปอย่างนี้แทบทุกปี
อย่างไรก็ตาม ในปี 1984 กว่างโจว เริ่มมาตั้งตัวได้ เมื่อ กว่างโจว ฟาร์มาซูติคอล บริษัทขายยาท้องถิ่นของเมือง ตัดสินใจเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนให้ทีมอย่างสุดกำลัง ด้วยการมอบเงินอุดหนุนที่สูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 6.24 ล้านบาท) รวมทั้งทำให้พวกเขาเป็นทีมในลีกจีนทีมแรกที่มีสปอนเซอร์สนับสนุนทีม
งบประมาณที่ได้มา ทำให้ทีมมั่นคงขึ้น ภายหลังจากกลับเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดในปี 1985 กว่างโจว ก็สามารถรักษาสถานะทีมในลีกบนได้ถึง 4 ปีต่อเนื่องกัน แม้ว่าจะหล่นชั้นไปในปี 1989 แต่ว่าก็สามารถเลื่อนชั้นกลับมาได้โดยทันทีในปีต่อมา แถมในปี 1992 ยังไปได้ไกลถึงตำแหน่งรองแชมป์ของลีก
อนาคตของกว่างโจว ดูเหมือนจะสดใสยิ่งขึ้น เมื่อกลุ่มอพอลโล ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ทีม ในปี 1993 และก็ทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพทีมแรกของจีนที่มีเจ้าของอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
นอกเหนือจากนี้ พวกเขายังได้แต่งตั้ง จู้ ซุยอัน สมัยก่อนนักฟุตบอลสโมสรขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาของทีม โดยมี ฮู จีจุน แข้งท้องถิ่นเป็นตัวนำทีม ที่กอดคอกันทำผลงานได้อย่างดียิ่งจนกระทั่งคว้าตำแหน่งรองแชมป์ลีกได้อีกครั้งในปี 1994 โดย จีจุน ยังคว้าดาวซัลโวของลีกได้อีกด้วย
แต่ว่าเหมือนความจริงของชีวิตมีขึ้นก็ต้องมีลง พวกเขาได้ได้โอกาสลิ้มรสชาติของลีกสูงสุดได้ไม่กี่ฤดูกาล ก็มีอันจะต้องร่วงหล่นชั้นอีกรอบในปี 1998 แล้วก็คราวนี้จำเป็นต้องถือว่าทรุดหนัก เมื่อจำเป็นต้องเล่นอยู่ในลีกรองอยู่ถึง 9 ปี แถมบางปีเกือบจะตกชั้นลงไปเล่นในลีกระดับ 3 ด้วยซ้ำ
พวกเขาพึ่งจะกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลังการเข้ามาของ กว่างโจว ฟาร์มาร์ซูติคอล บริษัทคู่บุญในสมัยก่อน ที่เขามาเทคโอเวอร์ทีมอย่างเต็มตัวเมื่อปี 2006 แล้วก็เพียงปีเดียว พวกเขาก็เลื่อนชั้นกลับไปเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จ หลังคว้าแชมป์ ไชน่า ลีกวัน ในปี 2007
แต่ว่าความสุขก็อยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน ...
คดีสุดอื้อฉาว
ถึงแม้ผลงานบนลีกสูงสุดของ กว่างโจว จีพีซี ชื่อใหม่ที่ได้มาจากบริษัทแม่ บางทีอาจจะไม่ได้เลิศเลอเฟอร์เฟค แต่ว่าพวกเขาก็เอาชีวิตรอดในลีกสูงสุดได้ง่ายๆ หลังจบในอันดับ 7 ของตารางในช่วงฤดูกาลแรกที่กลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี
“กลยุทธ์ในระยะยาวของเราคือใช้นักฟุตบอลดาวรุ่งเพื่อเปลี่ยนเอเวอร์แกรนด์ ไปเป็นทีมซึ่งมีแต่นักเตะในประเทศด้านใน 8-10 ปี และก็สร้างดาวดังในจีน เอเชีย รวมทั้งสุดยอด” ซู กล่าวในวันเปิดทำโรงเรียนเมื่อปี 2012
“ความมุ่งมั่นของซูเปลี่ยนเป็นฮีโร่ของชาวจีนทั้งประเทศ เขารู้ดีว่ามันควรจะมีนักฟุตบอลความสามารถพิเศษฝีเท้าดีอยู่มากมายก่ายกอง” หลิว เจียงหนาน อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนกล่าวเสริมกับ Financial Times
มันคือวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้ครอบครองทีมคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้เงินซื้อความสำเร็จแค่นั้น แต่ว่ายังกล้าทุ่มเงินจำนวนมหาศาล เพื่อวางรากฐานให้แก่ทีม ที่ทำให้พวกเขาได้รับการยอมรับในฐานะทีมอันดับ 1 ของเอเชียในระยะเวลาไม่กี่ปี
แล้วก็เมื่อมองย้อนกลับไป เหตุการณ์สุดอื้อฉาวในวันนั้น บางทีอาจจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของพวกเขาก็เป็นได้