
บุนเดสลีกา คือลีกฟุตบอลที่ไม่เคยขาดกองหน้าเพชรน้ำดีเลยสักครั้ง นี่เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ลีกสูงสุดของเยอรมนีเปี่ยมไปด้วยสีสันและเรื่องราวสุดมันส์ของบรรดาเหล่ากองหน้าในแทบทุกแมตช์เดย์
อีกทั้งการไล่ล่า บุนเดสลีกา ทุบสถิติยิง 40 ลูกในช่วงฤดูกาลเดียวของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่แกร์ด มึลเลอร์ เคยทำเอาไว้, เออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงคนใหม่ของทีม "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ออกตัวกับสังกัดเดิมใหม่ด้วยการยิงไปถึง 7 ประตูจาก 3 แรกเกมในบุนเดสลีกา และก็ยังรวมทั้งทีมรองบ่อนอย่างเอาก์สบวร์ก ก็ยังมีฟลอเรียน นีเดอร์เลชเนอร์ รอกระหน่ำประตูเพื่อทีมอยู่รอดในลีกสูงสุดถัดไป
การใช้ศูนย์หน้าหมายเลข 9 ตามสไตล์คลาสสิกกลับมาได้รับความนิยมอีกทีในบุนเดสลีกา โดยในช่วงฤดูกาลนี้มีทีมที่ใช้ศูนย์หน้าตัวเป้ากันเกินครึ่งของทีมทั้งสิ้น ผู้เล่นตำแหน่งนี้ควรจะมีทักษะพิเศษหลายชนิดรวมกัน ทั้งยังความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการเคลื่อนที่เป็นเป้าหมายให้เพื่อนฝูงร่วมทีม ต้องอัดต้องชนกับกองข้างหลังทีมคู่ปรปักษ์ จะต้องเก็บบอลรวมทั้งส่งบอลก้าวหน้าด้วย ที่สำคัญก็คือต้องสามารถหาจังหวะทำประตูให้ได้โดยเปลี่ยนแปลงช่องทางที่ถึงจะมีน้อยนิดให้กลายเป็นสกอร์
ดีเทอร์ มึลเลอร์ ตำนานศูนย์หน้าตัวเป้าของโคโลญจน์บอกว่า "ทีมไม่บางทีอาจประสบผลสำเร็จได้ถ้าขาดศูนย์หน้าตัวเป้า" เขาเองคืออดีตกาลยอดศูนย์หน้าที่ยิงในบุนเดสลีกาไปถึง 177 ประตูในตอนสมัย 70 ถึง 80 แถมยังเคยเหมา 6 ลูกในเกมเดียว ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดในหนึ่งนัดหมายมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ระบบการเล่นฟุตบอลจะเปลี่ยนไปมากมายแล้วนับจากวันที่เขายังค้าแข้งอยู่ แต่ว่ามึลเลอร์ก็มั่นใจว่าการมีศูนย์หน้าตัวเป้าเก่งๆในทีมนั้นสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ายุปป์ ไฮน์เคส ที่ยิง 220 ประตูในบุนเดสลีกาก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เหมือนกันกับมิโรสลาฟ โคลเซ ผู้ครอบครองสถิติยิงให้กลุ่มชาติเยอรมนีสูงสุด 71 ประตูและก็ยิงในศึกบอลโลกสูงสุด 16 ประตู
แนวทางเล่น 4-2-3-1 ที่ไฮน์เคสใช้กับบาเยิร์น มิวนิค คือสูตรการบรรลุผลของบาเยิร์นในช่วงปี 2012/13 กลุ่ม "เสือใต้" เปลี่ยนเป็นทีมที่ไล่อัดคู่แข่งขันเละเทะ ตัวอย่างเช่น ยิงฮัมบวร์กถึง 9 ประตู และก็อัดบาร์เซโลน่าในยูซีแอลถึง 7 ประตู ต่อจากนั้นทีมชาติเยอรมนีก็ใช้สูตรเดียวกันสำหรับในการสู้ศึกบอลโลกปี 2014 จนสามารถไล่สอนบอลบราซิลได้ถึง 7 ประตู ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปเถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสำเร็จ จากนั้นเราก็เริ่มมองเห็นหลายๆทีมยกเลิกระบบ 4-4-2 หรือ 4-3-3 มาใช้ระบบ 4-2-3-1 กันมากมาย
แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกทีมที่ใช้หัวหอกเบอร์ 9 เป็นเป้าเดี่ยวในแนวรุก แบบอย่างก็คือ ทิโม แวร์เนอร์ ที่เป็นตัวรุกกึ่งปีกครึ่งหนึ่งกองหน้ามากยิ่งกว่าที่จะยืนเป็นตัวเป้าเหมือน พาทริค ชิค หรืออย่าง โบรุสเซีย เมินหน้าเชนกลัดบัค ที่ใช้ศูนย์หน้าสามผสาน อลาสซาเน เพลอา, มาร์คัส ตูราม แล้วก็ บรีล เอ็มโบโล เป็นอาวุธทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ผ่านมามีศูนย์หน้าเบอร์ 9 ที่ครอบครองรางวัลดาวซัลโวสูงสุดในลีกได้ทั้งหมดถึง 8 คน ยกตัวอย่างเช่น แกร์ด มึลเลอร์. ดีเทอร์ มึลเลอร์. ฮอร์สต์ ฮรูเบช, โรลันด์ โวลฟาร์ธ, ฟริทซ์ วัลเทอร์, จิโอวานี เอลแบร์, ลูก้า โทนี และ เลวานดอฟสกี แล้วฤดูนี้ล่ะ? จะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาล
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี (บาเยิร์น มิวนิค)
ศูนยหน้าตัวเป้าชาวประเทศโปแลนด์ที่ว่ากันว่าเป็นสไตรเกอร์ที่ดีเยี่ยมที่สุดในโลกเดี๋ยวนี้ แม้ว่าจะอายุอานามปาเข้าไป 31 ปีแล้ว แต่ว่าเลวานกลับกล้าแกร่งขึ้นกว่าเดิม เคล็ดลับแพรวพราว สายตาเฉียบคม ในช่วงฤดูกาลนี้เลวานยิงนำดาวซัลโวที่ 21 ประตูจากการพยายามยิง 91 ครั้ง เยอะที่สุดในลีกด้วยเหมือนกัน แถมยังนำโด่งตารางดาวซัลโวรวมทุกรายการของทวีปยุโรปอีกด้วย (รวม 32 ประตู) เลวานเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 และก็ลุ้นช่วยกลุ่มเสือใต้คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ติดต่อกัน
เออร์ลิง ฮาแลนด์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)
เด็กคนนี้เป็นจิ๊กซอว์ที่ทีมเสือเหลืองกำลังตามหาอยู่ หลัง ปาโก อัลกาเซร์ ได้รับบาดเจ็บ ดอร์ทมุนด์อุตสาหะใช้ผู้เล่นอย่างมาริโอ เกิตเซ, มาร์วัว รอยส์ และก็ ยูเลี่ยน บรันด์ท มายืนตำแหน่ง False 9 ซึ่งผลจากการแข่งขันก็แตกต่างกันออกไป แต่ว่าการมาของฮาแลนด์นี่แหละที่เป็นคำตอบว่าดอร์ทมุนด์ต้องการสไตรเกอร์เบอร์ 9 แบบนี้เลย เจ้าหนูคนนี้บางทีอาจเป็นเซอร์ไพรส์แห่งฤดู 2019/20 เลยก็ได้
รูเวน เฮนนิงส์ (ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ)
ภายหลังจากเสียสองแข้งคนสำคัญอย่าง โดดี ลูเกบากิโอ และก็ เบนิโต รามัน ที่ยิงในฤดูกาลก่อนไปคนละ 10 ประตู แฟนคลับก็ห่วงว่าเกมรุกของทีมจะไปหวังพึ่งใครดี แต่ว่าสุดท้ายเฮนนิงส์ในวัย 32 ปีก็ระเบิดฟอร์มกระหน่ำประตูจนกระทั่งแฟนบอลพากันโล่งใจ สิงห์เท้าซ้ายคนนี้กดไปแล้ว 11 ประตูในช่วงฤดูกาลนี้ ด้อยกว่าเพียงเลวานดอฟสกีและก็แวร์เนอร์เพียงแค่นั้น เฮนนิงส์คือกองหน้าที่มีความถนัดทำประตูที่ดี ยิงเร็วและก็สามารถอัดกับกองหลังคู่แข่งได้สบาย
บาส โดสต์ (ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต)
โดสต์เคยยิง 16 ประตูให้โวล์ฟสบวร์กในช่วงฤดูกาล 2014/15 ก่อนที่จะย้ายไปค้าแข้งกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน หลังแฟรงค์เฟิร์ตจะต้องเสีย ลูกา โยวิช ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีมให้กับเรอัล มาดริด ไป โดสต์ก็เลยถูกดึงตัวกลับมาเล่นในบุนเดสลีกาอีกรอบ แม้จะได้รับบาดเจ็บไปในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกแต่ว่าปัจจุบันนี้เขาฟิตสมบูรณ์รวมทั้งกลับมาทำประตูช่วยทีมได้แล้ว
ฟลอเรียน นีเดอร์เลชเนอร์ (เอาก์สบวร์ก)
นีเดอร์เลชเนอร์ คือสไตรเกอร์ที่วิ่งมากที่สุดในลีกในบรรดาสไตรเกอร์ทั้งสิ้น เขาสร้างปัญหาให้กองหลังทีมคู่ปรับได้ตลอดแล้วก็เป็นกุญแจสำคัญสำหรับเพื่อการปั้นเกมบุกของทีม นีเดอร์เลชเนอร์เป็นศูนย์หน้าที่เก่งทั้งยังยิงและก็จ่าย ทำไปแล้ว 10 ประตู 6 แอสซิสต์ในช่วงฤดูกาลนี้ช่วยทำให้เอาก์สบวร์กหนีห่างจากโซนตกชั้นแล้วก็แทนที่การหายไปของอัลเฟร็ด ฟินน์โบกาสัน ที่บาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
จอห์น กอร์โดบา (โคโลญจน์)
นี่คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการโยนบอลยาว เพื่อนร่วมทีมอย่าง มาร์ค อูธ ถึงกับพูดว่า "ผมไม่เคยมองเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย คุณโยนบอลยาวให้จอห์นได้เลยทุกลูก ยังไงเขาก็ได้บอล" หน้าแข้งโคลอมเบียรายนี้อันตรายมากในกรอบเขตโทษ จาก 5 เกมในบ้านที่กอร์โดบาได้ลงเล่นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า โคโลญจน์สามารถคว้าชัยไปถึง 4 นัดหมาย
ซบาสเตียน อันเดอร์สสัน (อูนิโอน เบอร์ลิน)
อันเดอร์สสัน คือจุดยุทธศาสตร์ของทีมในแนวรุก แถมยังเป็นสมบัติของสโมสรไปแล้วหลังยิง 8 ประตูให้อูนิโอนในช่วงฤดูกาลนี้ ซึ่งช่วยทำให้ต้นสังกัดทำผลงานได้ดีเกินการคาดการณ์ในขณะที่พึ่งจะเป็นฤดูแรกบนเวทีบุนเดสลีกาของพวกเขา ศูนย์หน้าชาวสวีดิชคือนักฟุตบอลที่ขยัน เทคนิคดี ความสามารถสูง และก็แข็งแกร่ง เขามีสถิติแย่งบอลสำเร็จสูงสุดในลีกทั้งยังการเล่นลูกเรียดรวมทั้งลูกกลางอากาศ